ไม้ปูพื้นเรียกได้ว่าเป็นวัสดุในการตกแต่งบ้านอีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด เพราะเป็นส่วนประกอบที่ทำให้บ้านของเราสมบูรณ์และสวยงามขึ้นได้ง่ายๆ ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้เรามีไม้ปูพื้นให้เลือกถึง 6 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ในครั้งนี้เราก็จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับไม้ปูพื้นทั้งหมด ว่าแล้วเราก็มาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่าไม้ปูพื้นทั้งหมดนั้นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ประเภทของไม้ปูพื้นชนิดต่างๆ
1. ไม้ปูพื้น : พื้นไม้สำเร็จ (Solid Wood)
พื้นไม้สำเร็จ (Solid Wood) หรือที่เรียกกันว่าไม้จริง วัสดุเป็นไม้ธรรมชาติ ลักษณะของไม้ปูพื้นชนิดนี้จะเป็นการนำวิเนียร์ไม้จริงมาสไลด์เป็นแผ่นให้มีความหนาอยู่ที่ 12 – 20 มิลลิเมตร จากนั้นจึงนำเข้ากระบวนการเตรียมหน้าผิว มีการขัดไม้ให้สวยงามพร้อมกับทาหน้าผิวไม้แผ่นนั้นๆ และเคลือบสี UV หรือ PU เพื่อความคงทนและทำให้ใช้งานได้นานขึ้น
จุดเด่นของไม้สำเร็จอยู่ที่ความสวยงาม ลวดลายต่างๆ ที่ได้เห็นคือลวดลายจากไม้ธรรมชาติ เมื่อใช้พื้นไม้สำเร็จมาตกแต่งบ้าน โทนสีของที่อยู่อาศัยพื้นที่นั้นๆ ก็จะดูสบายตา อย่างไรก็ตามในเรื่องของราคาก็เรียกได้ว่าสูงตามคุณภาพเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วไม้ธรรมชาติที่ถูกนำมาผลิตเป็นพื้นไม้สำเร็จจะเป็น ไม้โอ๊ค, ไม้เมเปิ้ล, ไม้มะค่า, ไม้ประดู่, ไม้แดงหรือไม้สัก เป็นต้น
สรุป : ถึงแม้ว่าขั้นตอนการเตรียมไม้ปูพื้นชนิดนี้จะยุ่งยากเนื่องจากต้องให้ความใส่ใจสูง เพราะเนื้อไม้เป็นรอยได้ง่าย หายาก ราคาสูง แต่พื้นไม้สำเร็จก็ยังคงเป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คนอยู่ดี ส่วนใหญ่แล้วมักถูกใช้ในห้องส่วนที่ไม่มีความชื้น เพื่อป้องกันไม้พองหรือหดตัวอย่างเช่น ห้องรับแขก, ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนนั่นเอง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) เป็นไม้ปูพื้นที่ถูกพัฒนาขึ้นมากลบข้อด้อยของไม้จริงซึ่งมีจุดด้อยที่การยืดหรือหดตัว ลักษณะของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์หนึ่งแผ่นจะมีหลายชั้นให้เราเห็น ชั้นนอกสุดจะเป็นไม้จริงขนาดบางประมาณ 1-4 มิลลิเมตรและชั้นภายในจะเป็นไม้อัดชนิดต่างๆ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะเป็นไม้ส้น ไม้อัดหรือยางพารา ล้วนแต่ถูกนำมาใช้ทำพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทั้งสิ้น
จุดเด่นของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์คือความคงทนและราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับการใช้พื้นไม้สำเร็จ ผู้ที่เลือกใช้ไม้ปูพื้นชนิดนี้จะยังคงได้สีสัน ลวดลายและโทรบรรยากาศเหมือนๆ กับการใช้ไม้จริง แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมานั่นก็คือความคงทนเนื่องจากถูกออกแบบมาให้ทนต่อการยืดหดตัวของไม้ มีการต้านการบิดงอ
สรุป : ไม่สามารถขัดสีใหม่ได้บ่อยๆ และยังคงต้องเลี่ยงพื้นที่ความชื้นสูง เหมาะกับการใช้ตกแต่งภายในอาคารและผู้ที่ต้องการบรรยากาศของไม้จริงแต่ต้องคุมงบประมาณให้ไม่สูงจนเกินไป
พื้นไม้ลามิเนตหรือไม้ไฮบริดเอ็นจิเนียร์ เป็นไม้ปูพื้นอีกชนิดหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการผลิต เรียกได้ว่ามีไม้เป็นส่วนประกอบเพียงบางส่วนเท่านั้น ลักษณะของพื้นไม้ชนิดนี้นั้น ก็คือการผสมกันของผงไม้อัดความดันสูง (HDF) และผิวกระดาษลายไม้ จุดเด่นของไม้ปูพื้นชนิดนี้คือการทำนวัตกรรม HDF หรือแผ่นใยไม้อัดความดันสูงเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ขึ้นชื่อเรื่องความหนาแน่นและความแข็งแรงพิเศษ และสามารถติดตั้งได้ง่าย
สรุป : สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ถึงจะไม่ใช้ไม่จริงแต่ก็มีหลากหลายลวดลายให้เลือก มีความกว้างและยาวของแผ่นไม้ให้เลือกหลายขนาด อย่างไรก็ตามยังคงเหมาะสมกับการใช้งานภายในอาคารมากกว่าอยู่ดี ด้านราคาจะถูกกว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมงบประมาณในการตกแต่งเช่นกัน เป็นไม้ปูพื้นที่นิยมใช้ในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมต่างๆ เนื่องจากราคาเบาและยังคงความสวยงามเอาไว้ถึงผิวสัมผัส อย่างไรก็ตามต้องระวังเรื่องความชื้นเช่นกันเนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตมีโอกาสที่จะบวมได้หากโดนน้ำเป็นเวลานาน
พื้นกระเบื้องยางหลายไม้หรือที่หลายคนเรียกกันว่าพื้นไม้ SPC เป็นไม้ปูพื้นที่ฮิตในประเทศไทยช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ไม้มีส่วนผสมของไม้ ลักษณะของไม้ปูพื้นชนิดนี้เป็นพลาสติก PVC ผสมกับผงปูนขาว (แคลเซียมคาร์บอเนต) พื้นผิวนุ่ม ยืดหยุ่นได้และรอยตะเข็บเนียน
จุดเด่นหลักๆ ของไม้ปูพื้นชนิดนี้เรียกได้ว่าเข้ามากลบจุดด้อยของไม้ลามิเนต เนื่องจากทนน้ำ ไม่มีปลวกมาบุกรุก ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
สรุป : เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยเนื่องจากกันน้ำ กันปลวก ราคาประหยัดติดตั้งง่ายด้วยระบบล็อคและมีความสวยงามไม่แพ้ไม้ปูพื้นอื่นใด
ไม้ปูพื้นประเภทพื้นกระเบื้องยาง มักผลิตจากวัตถุดิบตามธรรมชาติอย่างยางพาราหรือผลิตจากวัตถุดิบโพลิเมอร์ต่างๆ ที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็เช่นพื้นกระเบื้องไวนิล เป็นต้น ติดตั้งง่ายและมีลวดลาย โทนสีให้เลือกหลากหลาย จุดเด่นนอกจากเรื่องราคาไม่สูง ก็ยังยึดเกาะได้ดี เป็นไม้ปูพื้นที่ช่วยลดเรื่องการลื่นได้ ทนต่อความชื้นสูงกว่าชนิดอื่นๆ สามารถติดตั้งเองได้
สรุป : เป็นไม้ปูพื้นที่สามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร ทนทาน ทำความสะอาดง่าย แต่ก็เกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายเหมือนกัน
6. ไม้ปูพื้น : พื้นไม้เทียม และพื้นไม้สังเคราะห์ (WPC Wood)
พื้นไม้เทียม และพื้นไม้สังเคราะห์ (WPC Wood) เป็นไม้ปูพื้นที่ผสมใยไม้และพลาสติกคุณภาพสูง ถูกนำมาทดแทนการใช้ไม้จริง มีการสร้างลวดลายไม้ได้ใกล้เคียง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่ายด้วยระบบล็อค มักถูกนำมาใช้ตกแต่งภายในและนอกอาคาร
สรุป : ส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำมาใช้กับงานภายนอกอาคารเนื่องจากคงทนและตอบโจทย์สภาพอากาศประเทศไทย แม้จะไม่เหมือนไม้จริงแต่ก็มีสีสันให้เลือกหลากหลาย